“ดูราผี สัพพะว่าผีทั้งหลาย อันอยู่ในนารกขงเขต ประเทศป่าไม้และแดนดิน สายสมินเขื่อนถ้ำ ทุกท่าน้ำล่าขึมขำ ทั้งผียำและผีโป่ง ผีเสื้อโท่งและผีเสื้อนา ผีตายโหงและผีตายห่า ผีป่าผีบ้าน ผีเมืองคน ผีตายกลางป่า ไม้ป่าไพรสณฑ์ดงใหญ่ มีทั้งผีเสื้อไร่และผีเสื้อสวน มีทั้งผีหัวหลวง พวงเป็นหมู่และเป็นขุม”
ผี คืออะไร ? ได้มีผู้ให้คำจำกัดความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้หลายประการ เป็นต้นว่า หมายถึงวิญญาณของคนที่ล่วงลับไปแล้วที่แลเห็นไม่ได้ในเวลาปกติหรือเป็นสิ่งที่ปกติจะมองไม่เห็น คนถือหรือเข้าใจเอาว่ามีฤทธิ์อำนาจเหนือคน อาจให้คุณหรือโทษแก่คน ทำให้คนนับถือหรือเกรงกลัวและเป็นสิ่งใดก็ตามที่ปกติไม่สามารถจะมองเห็นตัวได้ แต่เราถือเข้าใจเอาว่ามีฤทธิ์และอำนาจอยู่เหนือคน อาจให้ดีหรือร้าย คือให้คุณหรือให้โทษแก่เราได้สิ่งเหล่านี้เราเกรงกลัวและบางทีก็นับถือด้วย
การนับถือผีและผีของคนเหนือ
“ผีคนน่าน”
การนับถือผีนั้น คงสืบเนื่องมาจากลัทธิบูชาบรรพบุรุษ (Ancestor worship)ซึ่งความเชื่อนี้เจริญเติบโตมากจากลัทธิที่เชื่อถืออำนาจเหนือธรรมชาติ (Animism) อันเป็นต้นกำเนิดของลัทธิประเพณีหลายๆอย่างและเป็นที่มาของศาสนาบางประเภทด้วย คติความเชื่อเกี่ยวกับผีเป็นความเชื่อของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นพัฒนาการของความเชื่อระดับหนึ่งของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามโครงสร้างและสภาพของสังคม ในสังคมที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีมากขึ้นจะละทิ้งหรือลดหย่อนความเชื่อเกี่ยวกับผีลงไป จะหันมานับถือพระเจ้าซึ่งก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็นตัว มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหนือมนุษย์เหนือธรรมชาติเหมือนผี แต่เรียกชื่อและมีพิธีกรรมที่แตกต่างกันไปเท่านั้น ไม่ได้มุ่งสนองความต้องการในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่จะพยายามแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย เสนอความคิดความเชื่อเกี่ยวกับชาติหน้าที่เป็นเหตุเป็นผล มีหลักปรัชญาที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น นับเป็นพัฒนาการความเชื่อระดับหนึ่งที่แสดงถึงภูมิปัญญาระดับสูงของมนุษย์ ซึ่งนักมานุษยวิทยากำหนดให้ความเชื่อในลักษณะนี้เป็นศาสนาของสังคมสมัยประวัติศาสตร์ และให้การนับถือผีเป็นศาสนาในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ แต่เนื่องจากคติความเชื่อในการนับถือผีเป็นความเชื่อพื้นฐานที่เก่าแก่ดั้งเดิม ดังนั้นจึงยังคงเหลือความเชื่อดังกล่าวนี้อยู่ในจารีตประเพณีและพฤติกรรมของมนุษย์ในแทบทุกสังคมไม่มากก็น้อย และดูเหมือนว่าคติความเชื่อในการนับถือผีนี้จะเป็นลักษณะร่วมของกลุ่มชาติไต-ไท เพราะไม่ว่าจะเป็นไทใหญ่ ไทเขิน ไทลื้อ ไทยวนหรือชาวล้านนา ต่างก็นับถือผีทั้งนั้น การนับถือผีของชาวเหนือ สำหรับชาวล้านนาแล้วความเชื่อในการนับถือผีคงจะเป็นความเชื่อดั้งเดิมที่มีอยู่มาก่อนที่พระพุทธศาสนาจะเผยแพร่เข้ามา ทั้งนี้ในโลกทัศน์ของชาวล้านนานั้นมีความเข้าใจว่าโลกมนุษย์กับโลกของผีนั้นซ้อนทับกันอยู่และมีความเกี่ยวข้องกัน โดยเชื่อว่าผีนั้นมีจำนวนมากมายในทุกหนทุกแห่งทั้งในเมือง หมู่บ้าน ทุ่งนา แม่น้ำ เหมืองฝาย ป่า ภูเขา และในบ้านเรือน จะมีผีปกปักรักษาอยู่ ดังสะท้อนให้เห็นในคำส่งผีฉบับปั๊บสาของเก่าจากอำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ได้กล่าวให้เห็นว่า
“ ดูราผี สัพพะว่าผีทั้งหลาย อันอยู่ในนารกขงเขต ประเทศป่าไม้และแดนดิน สายสมินเขื่อนถ้ำ ทุกท่าน้ำล่าขึมขำ ทั้งผียำและผีโป่ง ผีเสื้อโท่งและผีเสื้อนา ผีตายโหงและผีตายห่า ผีป่าผีบ้าน ผีเมืองคน ผีตายกลางป่า ไม้ป่าไพรสณฑ์ดงใหญ่ มีทั้งผีเสื้อไร่และผีเสื้อสวน มีทั้งผีหัวหลวง พวงเป็นหมู่และเป็นขุม”
พิธีกรรมความเชื่อ ผีนั้นมีทั้งที่ให้คุณและให้โทษแก่มนุษย์ เป็นทั้งมิตรกับมนุษย์ ในขณะเดียวกัน ก็สามารถจะดลบันดาลให้เกิดภยันอันตรายแก่มนุษย์ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นผีประเภททรงคุณธรรม มีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์ในแง่คอยให้การปกป้องคุ้มครองพิทักษ์รักษาและอำนวยคุณความดีให้แก่มนุษย์ด้วยมหิทธานุภาพของผีเอง ถ้าในความสัมพันธ์นั้นมนุษย์กระทำดีต่อผีแต่ในขณะเดียวกันมนุษย์อาจได้รับโชคร้ายหรือสูญเสียผลประโยชน์ได้ ถ้าหากปฏิบัติตนไม่ถูกไม่ควรอันเป็นเหตุขัดใจผีหรือไม่ถูกใจ กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าผีนั้นมีทั้งผีดีและผีร้าย ผีดีนั้นตามปกติมีใจเป็นกลางๆ ไม่ให้ดีให้ร้ายแก่ใคร เว้นไว้แต่จะทำให้โกรธ แต่เดิมเรียกว่า “ผีฟ้า” ภายหลังเรียกว่า “เทวดา” เพราะได้คำนี้มาจากอินเดีย ยังมีอีกพวกหนึ่งจะเป็นผีดีหรือผีฟ้าก็ไม่เชิง เป็นผีร้ายก็ไม่เชิง เป็นพวกอยู่ในอากาศ อยู่ตามป่าเขาก็มี ในถ้ำในน้ำหรือบนต้นไม้ก็มี ผีพวกนี้บางทีเราเรียกว่า “เทวดา” บางทีก็เรียก “ผี” เป็นจำพวกผีเทวดา เป็นผีที่เจ้าที่เจ้าทางต่างๆ เช่น เจ้าป่า เจ้าเขา ฯลฯ จัดเป็นเทวดาชั้นต่ำเพราะไม่ได้อยู่บนฟ้า ผีชนิดนี้จัดเข้าอยู่ในพวกผีธรรมชาติ อีกพวกหนึ่งเดิมเป็นคนครั้นตายไปก็ไม่ไปไหนยังสิงสถิตอยู่ตามบ้านเรือน เป็นผีญาติผู้ใหญ่ของครอบครัวเรียกว่า ผีบรรพบุรุษ อีกพวกหนึ่งเดิมเป็นคนเหมือนกันแต่มักเป็นคนเก่งกล้าสามารถ เป็นคนมีบุญคุณใหญ่หลวงแก่หมู่บ้าน หรือเป็นคนดุร้ายเป็นที่เกรงกลัวแก่ใครๆ เมื่อตายไปคนก็ยังนับถือและเกรงกลัวอยู่ ผีพวกนี้เรียกว่า ผีวีรบุรุษ สำหรับผีพวกสุดท้ายเป็นผีร้าย ผีเลว หรือผีสามัญ ซึ่งจะมีอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่มีชื่อยกย่องเป็นอย่างอื่น ผีพวกนี้เกะกะระรานเป็นพาลไม่ให้ดีแก่ใคร คนจึงกลัวกันมากกว่าผีอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ในวิถีชีวิตของชาวล้านนาจึงมีส่วนสัมพันธ์กับผีเป็นอย่างมากซึ่งแสดงออกมาในลักษณะของการให้การเคารพบูชา ยำเกรง และขอที่พึ่งพิง